'พ่อบ้านโอ' พล.ต.โอสถ ภาวิไล นำทัพพาราเยาวชนไทยยกพลสู่ดูไบ สู้ศึกเอเชียนยูธพาราเกมส์ ครั้งที่ 5 ชูธงเสริมทัพดาวรุ่งเตรียมตัวให้พร้อม เพื่อบู๊ศึกใหญ่

'พ่อบ้านโอ' พล.ต.โอสถ ภาวิไล นำทัพพาราเยาวชนไทยยกพลสู่ดูไบ สู้ศึกเอเชียนยูธพาราเกมส์ ครั้งที่ 5 ชูธงเสริมทัพดาวรุ่งเตรียมตัวให้พร้อม เพื่อบู๊ศึกใหญ่ในปี 2569

เมื่อกลางดึกวันที่ 6 ธันวาคมที่ผ่านมา ณ สนามบินสุวรรณภูมิ คณะนักกีฬาพาราเยาวชนทีมชาติไทยชุดแรก ได้ออกเดินทางสู่เมืองดูไบ สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ เพื่อเข้าร่วมการแข่งขันมหกรรมกีฬาเอเชียนยูธพาราเกมส์ ครั้งที่ 5 ซึ่งจะจัดขึ้นระหว่างวันที่ 7-14 ธันวาคมนี้

คณะนักกีฬาและเจ้าหน้าที่ชุดนี้มีจำนวนรวม 88 คน นำทัพโดย พล.ต. โอสถ ภาวิไล เลขาธิการคณะกรรมการพาราลิมปิกแห่งประเทศไทย ในฐานะหัวหน้าคณะนักกีฬา ประกอบด้วยนักกีฬาจากหลายชนิดกีฬา ได้แก่ กรีฑา,บอคเซีย,โกลบอล,เทเบิลเทนนิส และว่ายน้ำ

ในส่วนของนักกีฬาคนตาบอดนั้น นายอำนวย กลิ่นอยู่ นายกสมาคมกีฬาคนตาบอดแห่งประเทศไทย ได้มอบหมายให้ พล.อ.วิทยา ขันธอุบล อุปนายกสมาคมฯ เป็นตัวแทนมาส่งทีมโกลบอล ที่ศึกนี้ถือว่าเป็นการอุ่นเครื่องก่อนป้องกันแชมป์ในอาเซียนพาราเกมส์ ต้นปีหน้าที่นครราชสีมา


ด้าน พล.ต.โอสถ ภาวิไล หัวหน้าคณะนักกีฬาเยาวชนพาราทีมชาติไทย กล่าวก่อนออกเดินทางว่า นักกีฬาชุดนี้ผสมผสานระหว่างนักกีฬาหลักชุดหลัก และดาวรุ่ง ซึ่งส่วนใหญ่เตรียมความพร้อมสำหรับศึกอาเซียนพาราเกมส์ที่จังหวัดนครราชสีมา ต้นปีหน้า นอกจากนี้ยังมีนักกีฬาหน้าใหม่เข้ามาเสริมทัพเพื่อสร้างความแข็งแกร่ง เตรียมความพร้อมสำหรับเป็นตัวแทนรุ่นพี่ในอนาคต โดยคาดหวังว่าคณะนักกีฬาจะสามารถทำผลงานได้ตามเป้าหมายที่วางไว้

“ขอขอบคุณ ร.ท.ณัยณพ ภิรมย์ภักดี ประธานคณะกรรมการพาราลิมปิกแห่งประเทศไทย รวมถึงสมาคมกีฬาคนพิการทั้ง 4 สมาคม ได้แก่ สมาคมกีฬาคนพิการแห่งประเทศไทย, สมาคมกีฬาคนตาบอดแห่งประเทศไทย, สมาคมกีฬาคนพิการทางปัญญาแห่งประเทศไทย และสมาคมกีฬาคนพิการทางสมองแห่งประเทศไทย ที่ได้ร่วมกันส่งเสริมและพัฒนาศักยภาพนักกีฬาอย่างเต็มที่”



พร้อมกันนี้พ่อบ้านพาราไทยยังกล่าวขอบคุณการกีฬาแห่งประเทศไทย ที่จัดสรรงบประมาณสนับสนุนทั้งการฝึกซ้อมและการส่งนักกีฬาเข้าร่วมการแข่งขันเอเชียนยูธพาราเกมส์ครั้งนี้ ด้วยการสนับสนุนทั้งหมดนี้ นักกีฬาทุกคนจึงมีขวัญกำลังใจดีเยี่ยม เชื่อว่าช่วยกันนำความสำเร็จ กลับมาสู่ประเทศชาติ ทำให้คนไทยมีรอยยิ้มและความสุขได้อีกครั้ง