Last updated: 20 ธ.ค. 2568 |
สมุทรปราการ : แบบนี้ก็มีด้วย !! ขอคืนทองคำแท่งหนัก 50 บาทของกลาง แต่ ตร.บอกให้ไปซื้อคืนเอง
แม่เหยื่อสแกมเมอร์ ร้องสื่อขอความเป็นธรรม หลังตำรวจไซเบอร์ยังไม่คืนของกลาง ทั้งๆที่แถลงข่าวจับกลุ่มคนร้ายไปแล้ว ตั้งข้อสังเกตุแถลงข่าวเพื่อสร้างผลงาน ถามทองของกลางบอกยืมมาโชว์ประกอบการแถลงข่าวอยากได้ต้องไปซื้อเอง กับร้านทองที่ตำรวจไม่ตั้งข้อหารับซื้อของโจร
โดยผู้สื่อข่าวประจำจังหวัดสมุทรปราการ ได้รับเรื่องร้องเรียนจากนางสาวกนกวรรณ มาละโส มารดาของนาย ปราชญ์ชนะชัย หลักทรัพย์ อายุ 19 ปี ที่ถูกสแกมเมอร์หลอกให้เชื่อแอบอ้างเป็นเจ้าหน้าที่กองยัญชาการตำรวจสืบสวนสอบสวนอาชญากรรมทางเทคโนโลยี แจ้งพัวพันกับคดีฟอกเงิน และได้ออกอุบายให้เปิดตู้เซฟและโอนเงินผ่านบัญชีม้า ด้วยการไลฟ์สดบังคับขู่เข็น ว่าจะดำเนินคดี ด้วยความกลัวจึงเปิดตู้เซฟของมารดา ให้ดูทรัพย์สินในตู้เซฟก่อนที่จะให้ไปวางจุดนัดพบโดยไม่ให้ปิดไลฟ์ เมื่อวันที่ 19 พย 68 ที่ผ่านมา รวมมูลค่าทรัพย์สินกว่า 10 ล้านบาท อาทิทองคำแท่ง น้ำหนัก 30 บาท , สร้อยข้อมือทองคำ น้ำหนัก 10 บาท , สร้อยคอทองคำ พร้อมพระเครื่องกรอบทองคำ น้ำหนัก 10 บาท , สร้องคอทองคำฝั่งเพชร , กำไลทองคำฝั่งเพชร , แหวนทองคำฝั่งเพชร , แหวนทองคำ ทับทิม , นาฬิกา และเงินสดรวมถึงเงินโอนหลายแสนบาทและเข้าแจ้งตวามในวันที่ 20 ธค 68 กับสถานีตำรวจภูธรเมืองสมุทรปราการ ก่อนที่เรื่องจะส่งไปที่ตำรวจไซเบอร์ ในวันที่ 21 ธค 2568 และในวันที่ 24 ธค 68 ทางตำรวจไฟเบอร์ ได้เชิญไปร่วมแถลงข่าว จับผู้ต้องหาชาวจีนพร้อมของกลาง ทองคำแท่ง 3 แท่ง และ ทองที่หลอมอีก 2 ก้อน แต่ไม่มีบางรายการในการนำมาแถลงข่าว
โดยทางคุณแม่ กล่าวว่าทางตำรวจไซเบอร์ ได้แถลงว่า ได้ตรวจสอบคนจีนรายนี้นำทองไปเสนอขายร้านทอง ย่านซอยราม 2 เขตประเวศ กรงเพทมหานครฯ แต่ร้านแรก อ้างว่าไม่มีเงิน จึงแนะนำไปร้านที่สอง ที่ดิโอสยาม แล้วมีการซื้อขาย และทางตำรวจก็สืบสวนจนเจอผู้ต้องหาสแกมเมอร์รายนี้ ได้มาดำเนินคดี ทั้งตรวจสอบเส้นทางเงิน โดยใช้บัญชีม้า รับเงินค่าขายทองครั้งนี้ โดยทางตนเองตั้งข้อสังเกตุถึงพฤติการณ์ที่ตำรวจแถลงข่าว หลังจากที่ได้ติดตามขอรับทรัพย์ของกลางเพื่อนำไปเก็บรักษาหลังจากที่แถลงข่าว กลับได้รับคำตอบจากตำรวจว่าทองคำแท่งกับทองหลอมทั้ง 2 ก้อนเป็นของร้านที่ 2 เพราะร้านที่ 2 จ่ายเงินซื้อทองทั้งหมดยกเว้นที่มีเพชรหรือทับทิมผสม หากอยากได้ให้นำเงินไปซื้อออกมาเอง จึงทำให้รู้สึกเป็นเหยื่อรอบสอง เพราะจากผู้เสียหายกลับต้องนำเงินไปซื้อทองตัวเอง และอยากจะถามตำรวจว่า ไม่ว่าจะร้านหนึ่งหรือร้านทอง ทำไมตำรวจไม่ต้องข้อหารับซื้อของโจร ทำไมถึงไม่ดำเนินคดี จึงตัดสินใจเดินทางร้องทุกข์ผ่านสื่อมวลชนเพื่อขอความเป็นธรรม เพราะมีหลายเรื่องที่กังวลใจกลัวจะไม่ได้รับความเป็นธรรม โดยเฉพาะสร้อยข้อมือทองคำ น้ำหนัก 10 บาท ตำรวจอ้างว่าเป็นของปลอม , และขอรับทรัพย์สินคืนก็ไม่ให้คืนแถมบอกให้ไปซื้อเอง เลยงงว่าเป็นของเรา แต่ต้องไปซื้อกลับมา
เพราะตอนนี้ชีวิตตนและลูกแย่มากๆ ต้องมาขายน้ำโค๊กวุ้น ตามตลาดนัดเพื่อประทังชีวิต และบางวันสองแม่ลูกต้องกินข้าวบูด จนเป็นยางเพื่อประทังชีวิต
ทั้งนี้ จึงอยากจะขอความเห็นใจ กับท่าน ผบ.ตร. หรือหน่วยงานไหนก็ได้ที่มีอำนาจ ช่วยตนและลูกด้วย ใครไม่เจอแบบตัวไม่รู้ และยินดีที่ทางภาครัฐเอาจริงในการปราบปรามสแกมเมอร์ จริงจัง
เรืองริชม์ ปันเจริญธนกฤต สมุทรปราการ
0943762696