กรุงเทพฯ: “คมสันต์ แซ่ลี” ผู้ก่อตั้ง Flash Express จุดประกายยูนิคอร์นตัวต่อไปแห่งวงการสตาร์ทอัพ 13 กันยายน 2568
นายคมสันต์ แซ่ลี ผู้ก่อตั้ง Flash Express ได้รับเชิญจากสมาคมการค้าไทย-ไต้หวัน เพื่อผู้ประกอบการรุ่นใหม่ ให้ร่วมแบ่งปันประสบการณ์การสร้างธุรกิจ ณ โรงแรม Bangkok Marriott Marquis Queen's Park กรุงเทพมหานคร โดยมีเป้าหมายเพื่อถ่ายทอดแนวคิดด้านนวัตกรรมและกลยุทธ์ในการปฏิบัติงานให้กับผู้ประกอบการรุ่นใหม่
ภายในงานได้รับเกียรติจากบุคคลสำคัญหลายท่าน ได้แก่ นายเซี่ยหลี่ หลาน ผู้แทนประจำสำนักงานเศรษฐกิจและวัฒนธรรมไทเปประจำประเทศไทย, นายฉี่ชั่ว หวง ประธานสมาคมการค้าไทย-ไต้หวันเพื่อผู้ประกอบการรุ่นใหม่ และ ดร.อี้ฝิ่น จาง หัวหน้ากลุ่มงานประชาสัมพันธ์มหาวิทยาลัยแห่งชาติฟอร์โมชา ขึ้นกล่าวปาฐกถา พร้อมทั้งมีนายช็อฉี ต่ง เป็นผู้ดำเนินการสัมภาษณ์พิเศษ นอกจากนี้ ยังมีแขกคนสำคัญอีกหลายท่านร่วมงาน อาทิ นางหลิงฉิน จาง ประธานสมาคมไต้หวันแห่งประเทศไทย, นายฮั่นชวน เฉิน ประธานสมาคมการค้าไทย-ไต้หวัน, นายซิวหมิ่น กัว ประธานกิตติมศักดิ์ภาวร และนางอ้ายหลิง จาง ประธานสมาคมสตรีนักธุรกิจเชื้อสายจีน
ทั้งนี้ "ยูนิคอร์น" หรือบริษัทยูนิคอร์น หมายถึง บริษัทเทคโนโลยีเกิดใหม่ที่ก่อตั้งไม่เกิน 10 ปี มีมูลค่าประเมินไม่ต่ำกว่า 1,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ และยังไม่ได้จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์
เส้นทางการเติบโตของ Flash Express
นายคมสันต์ แซ่ลี ก่อตั้ง Flash Express เมื่อปี 2560 ในช่วงที่ตลาดอีคอมเมิร์ซของไทยกำลังเติบโตอย่างรวดเร็ว ด้วยวิสัยทัศน์ที่ก้าวไกลและกลยุทธ์ที่ยืดหยุ่น เขาสามารถนำพาบริษัทขึ้นเป็นผู้ให้บริการจัดส่งพัสดุอันดับสองของไทยได้ภายในเวลาเพียง 3 ปี โดยมียอดจัดส่งเฉลี่ยต่อวันมากกว่า 1 ล้านชิ้น และมีอัตราการจัดส่งถึงวันถัดไปสูงถึง 97% ปัจจุบัน Flash Express ได้ขยายบริการครอบคลุมถึงคลังสินค้า พิธีการศุลกากร บรรจุภัณฑ์ และบริการทางการเงิน เพื่อสร้างระบบนิเวศด้านโลจิสติกส์แบบครบวงจร
นายคมสันต์กล่าวว่าหลายคนรู้จัก Flash Express จากธุรกิจหลักด้านการจัดส่งพัสดุ ซึ่งปัจจุบันได้ขยายบริการไปกว่า 6 ประเทศ และมีพนักงานประจำมากกว่า 150,000 คน อย่างไรก็ตาม เขายอมรับว่าธุรกิจจัดส่งอยู่ในช่วงปลายของห่วงโซ่อุปทาน ซึ่งมักเผชิญกับการแข่งขันด้านราคา เพื่อหลีกเลี่ยง "สงครามราคา" Flash Express จึงเปลี่ยนผ่านธุรกิจสู่การให้บริการครบวงจร ตั้งแต่คลังสินค้าอีคอมเมิร์ซ, การไลฟ์สดขายสินค้า, ธุรกิจโฆษณา, ไปจนถึงระบบการเงิน เพื่อสร้างระบบนิเวศแบบปิดที่ตอบโจทย์ลูกค้าและเพิ่มมูลค่าให้กับธุรกิจ
บทเรียนราคาแพงจากการระดมทุน
นายคมสันต์ยังได้ถ่ายทอดบทเรียนจากสองประสบการณ์ที่เจ็บปวดในการระดมทุน โดยเหตุการณ์แรกคือการที่เขาปฏิเสธมูลค่าตลาดเพื่อหวังมูลค่าที่สูงกว่า จนทำให้บริษัทขาดกระแสเงินสดอย่างหนัก ส่วนเหตุการณ์ถัดมาคือการทำสัญญากู้เงินระหว่างประเทศ ซึ่งเกือบทำให้บริษัทถูกเทกโอเวอร์อย่างไม่เป็นธรรม
"จริงอยู่ที่เงินทุนมีความสำคัญต่อธุรกิจที่เพิ่งเริ่มก่อร่างสร้างตัวเป็นอย่างมาก แต่การเลือกนักลงทุนผิดก็เหมือนกับการวางระเบิดเวลาในบริษัทของคุณเอง ผมเลยคิดว่าการชวดเงินลงทุนยังดีซะกว่าการเลือกนักลงทุนผิดคน เพราะคุณไม่มีทางรู้เลยว่าตัวเองจะเดินไปถึงจุดจบเมื่อไร"
กลยุทธ์บุกตลาดต่างประเทศ: จาก "ง่าย" ไป "ยาก"
นายคมสันต์เล่าถึงเส้นทางการขยายธุรกิจสู่ต่างประเทศ โดยเริ่มจากลาว, ฟิลิปปินส์ และมาเลเซีย เขามองว่าลาวเป็นประเทศเพื่อนบ้านที่มีต้นทุนการบุกตลาดไม่สูงนัก ในขณะที่ฟิลิปปินส์เป็นตลาดที่ท้าทาย ทั้งในเรื่องความปลอดภัย วัฒนธรรม และกฎหมายแรงงาน อย่างไรก็ตาม ความยากลำบากนี้เองคือโอกาสในการสร้าง "กำแพงการแข่งขัน"
"ถ้าคุณมองว่าตลาดไหนเข้าได้ง่าย วันข้างหน้าคุณจะมีคู่แข่งเป็นร้อยราย แต่ถ้าคุณเจอปัญหาหนัก ๆ ที่ทุกคนก็ต้องเจอ นั่นแหละคือโอกาสในการสร้างความแตกต่างและความได้เปรียบ"
หัวใจของความยั่งยืน: จากการสร้างคนสู่การสร้างระบบ
นายคมสันต์เชื่อว่าความสำเร็จขององค์กรในแต่ละช่วงมีปัจจัยหลักที่ต่างกัน โดยใน 3 ปีแรก ผู้บริหารคือหัวใจหลัก, ในช่วง 5-10 ปี ทีมงานคือกุญแจสำคัญ, แต่หลังจากนั้น สิ่งที่เป็นรากฐานที่แท้จริงก็คือ "วัฒนธรรมองค์กร"
เขาแบ่งประเภทบุคลากรออกเป็น 3 กลุ่ม ได้แก่
คนที่อยากเป็นผู้นำ
คนที่อยากได้เงิน
คนที่ต้องการความมั่นคง
เขาเน้นย้ำว่าการใช้จุดแข็งของแต่ละคนอย่างถูกที่ถูกเวลาเป็นเรื่องสำคัญ โดยเฉพาะคนที่ต้องการเป็นผู้นำ ต้องผ่านภารกิจที่ท้าทายและได้รับความไว้วางใจจากทีมก่อน เขายังกล่าวเพิ่มเติมว่า บริษัทในปัจจุบันให้ความสำคัญกับบุคลากรที่มีค่านิยมสอดคล้องกับองค์กร มากกว่าผลประโยชน์ในระยะสั้น
คำแนะนำถึงผู้ประกอบการรุ่นใหม่
นายคมสันต์ฝากคำแนะนำ 3 ข้อให้แก่ผู้ประกอบการรุ่นใหม่
ต้องหน้าหนาเข้าไว้: ในโลกธุรกิจ ศักดิ์ศรีไม่มีค่า เขาเล่าประสบการณ์ที่เคยไปยืนรอรับสมัครคนหน้าร้านอาหารหรือโรงอาหารของบริษัทยักษ์ใหญ่ด้วยตัวเอง เพื่อหาคนเก่งมาร่วมทีม
ฟังให้เยอะขึ้น พูดให้น้อยลง: ผู้บริหารควรเรียนรู้จากคนที่เก่งกว่า โดยเฉพาะคนรุ่นใหม่ และเปิดโอกาสให้พวกเขาได้ลองผิดลองถูก
เชื่อในข้อมูลและสัญชาตญาณ: ข้อมูลช่วยแก้ปัญหาในอดีต แต่ประสบการณ์และสัญชาตญาณของมนุษย์สามารถมองเห็นอนาคตที่ข้อมูลมองไม่เห็น
ในช่วงท้ายของการสัมภาษณ์ นายคมสันต์ยังได้กล่าวถึงความรับผิดชอบต่อสังคมที่สำคัญที่สุด นั่นก็คือการลงทุนในด้านการศึกษา ผ่านการมอบทุนการศึกษาและโอกาสในการเปลี่ยนชีวิตให้แก่เยาวชน
เรื่องราวของนายคมสันต์ แซ่ลี ไม่เพียงแต่สะท้อนเส้นทางการเติบโตของ Flash Express จากสตาร์ทอัพสู่ยูนิคอร์นเท่านั้น แต่ยังเป็นแรงบันดาลใจให้กับผู้ประกอบการรุ่นใหม่ เขาสอนให้เห็นว่าในโลกธุรกิจที่เปลี่ยนแปลงตลอดเวลา มีเพียง "การยืนหยัดทำสิ่งที่ยากและถูกต้อง" เท่านั้น ที่จะพาองค์กรไปสู่ความสำเร็จอย่างยั่งยืน และ Flash Express จะยังคงเดินหน้าสร้างการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ให้กับอุตสาหกรรมอีคอมเมิร์ซและโลจิสติกส์ในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ พร้อมทั้งเป็นแบบอย่างในด้านวัฒนธรรมองค์กรและความรับผิดชอบต่อสังคมแก่คนรุ่นต่อไป
#FlashExpress #คมสันต์แซ่ลี #สตาร์ทอัพ #ยูนิคอร์น #แรงบันดาลใจ #ผู้ประกอบการรุ่นใหม่
เรืองริชม์ ปันเจริญธนกฤต สมุทรปราการ 0805839696